วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง คนหาปลากับพราน

นิทานอีสป เรื่อง คนหาปลากับพราน

 คนหาปลากับพราน

มีอยู่วันหนึ่งคนหาปลาได้เดินสวนกับนายพราน

เเละเห็นว่านายพราน มีเนื้อสัตว์อยู่มากมาย จึงได้เอ่ยถามนายพรานไปว่า

"ท่านพรานป่า ข้าขอเอาปลาเเลกกับเนื้อสัตว์ของท่านบ้างได้หรือไม่"

นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาอยู่หลายตัวก็นึกอยากจะลิ้มลองกิน เนื้อปลาบ้าง

ในวันต่อๆ มา คนหาปลากับนายพรานก็นัดพบ เพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกันทุกวัน

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง คนหาปลา ก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

"ท่านนายพราน ท่านยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลากับข้าอยู่หรือไม่"

นายพรานก็ตอบว่า " ข้าเริ่มเบื่อเนื้อปลาเเละอยากกินเนื้อดังเดิมเเล้วละ "

คนหาปลากับนายพราน ทั้งสองจึงตกลงยกเลิกเเลกเปลี่ยนอาหารกันอีกต่อไป


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

" คนเรามักอยากลิ้มลองของใหม่ เเต่ไม่นานก็ต้องเห็นค่าของ ของเก่า "


วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง ค้างคาวเลือกพวก

นิทานอีสป เรื่อง ค้างคาวเลือกพวก


ค้างคาวนั้นถือว่าตนก็มีปีกเหมือนนก เเละก็มีหูเหมือนสัตว์ อื่นทั่วๆ ไป

ดังนั้นเมื่อนกยกพวกไปต่อสู่กับสัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ขอตัวไม่ เข้าข้างฝ่ายใดโดยทำตัวเป็นกลาง

เเต่เมื่อพวกของนกมีท่าทีว่าจะชนะ ค้างคาวก็ประกาศตัว ไปเข้ากับฝ่ายนก

ต่อมาพวกนกจะพลาดท่าเสียทีเเก่สัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ผละ จากนกไปเข้าพวกกับสัตว์อื่นๆ

ต่อมานกต่อสู้จนใกล้จะได้ชัย ค้างคาวก็กลับมาอยู่ข้างฝ่ายพวก นกอีก

เมื่อนกกับสัตว์อื่นๆ ทำสัญญาสงบศึกเเละเป็นมิตรต่อกัน ทั้งสองต่างก็ขับไล่ค้างคาว ไม่ยอมให้เข้าพวก
ด้วย 

ค้างคาวอับอายจึงไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ จะออกจากถ้ำไปหา อาหาร ในตอนกลางคืนเท่านั้น


 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  

"ผู้ที่ขาดความจริงใจ ไม่มีใครอยากคบหาด้วย"

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ

นิทานอีสป เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ

วันหนึ่งมีเด็กเลี้ยงเเกะคนหนึ่ง ต้อนฝูงแกะออกไปปล่อยกินหญ้าในทุ่งหญ้าในนา แล้วตัวเขาเองก็นั่งเล่นอยู่ชายทุ่งคิดหาเรื่องสนุกๆ เล่น 

"เบื่อจริง ๆ " เด็กเลี้ยงแกะบ่น หลอกชาวบ้านเล่นคงจะดี เขานึกสนุก และคิดเรื่องที่หลอกชาวบ้าน จึงเเกล้งร้องตะโกน ขึ้นมาว่า

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย! หมาป่ามากิน ลูกเเกะ เเล้ว ช่วยด้วยจ้า ! "

เด็กเลี้ยงแกะวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพลางร้องตะโกนให้คนช่วย 

"หมาป่า กินแกะของผมหมดแล้ว ช่วยด้วยครับ"

พวกชาวบ้านจึงพากันวิ่งมาช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่างๆ 
"หมาป่ามันอยู่ที่ไหน ไอ้หนู่"
"ในทุ่งนาครับ" เด็กเลี้ยงแกะชี้ไปที่ทุ่งนา ชาวบ้านจึงพากันวิ่งไปตามทางที่เด็กบอก "ไม่เห็นมีหมาป่าสักตัวนี่"

"มันวิ่งไปทางโน้นเเล้วล่ะ"

เด็กเลี้ยงเเกะโป้ปดเเล้วก็เเอบหัวเราะชอบใจภายหลัง

ต่อจากนั้นเด็กเลี้ยงเเกะก็เเกล้งหลอกให้ชาวบ้านวิ่งหน้าตื่น เช่นเดิมได้อีก ๒- ๓ ครั้ง

จนกระทั่งวันหนึ่งมีหมาป่าหิวโซเดินมา ในทุ่งหญ้าที่เด็กชายเลี้ยงแกะพอดี 

"หวานข้าละ" สุนัขป่าคำราม ฝูงแกะได้ยินเสียงสุนัขหมาป่า ก็ตกใจวิ่งหนีกันวุ่นวาย และส่งเสียงร้องดังไปทั้งทุ่ง "หมาป่า" 

เด็กเลี้ยงแกะตกใจ เมื่อเห็นหมาป่ากำลังทำร้ายแกะของเขา 

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย! " เด็กเลี้ยงแกะ วิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือที่หมู่บ้าน 
"หมาป่ากำลังกินแกะของผม ช่วยด้วยเถอะครับ" 

เด็กเลี้ยงแกะ ตะโกนขอความช่วยเหลือจนคอเเหบ คอเเห้ง
"ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ" ชาวบ้านตะคอกใส่หน้า "คราวนี้แกหลอกพวกข้าไม่ได้หลอก" 

ไม่มีใครออกไปช่วยไล่หมาป่าให้ เด็กเลี้ยงแกะ สักคน พวกชาวบ้านก็ไม่มาเพราะคิดว่า เด็กเลี้ยงแกะ หลอก  

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

"คนที่มักโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครเชื่อ"

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง นกกระเรียนกับหมาป่า

นิทานอีสป เรื่อง นกกระเรียนกับหมาป่า 

นกกระเรียนกับหมาป่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว .... มีหมาป่าอยู่ตัวหนึ่ง เที่ยวเดินหาอาหารกินตามรายทางเรื่อยละไปทั่ว จนกระทั่งวันหนึ่งเศษกระดูกก็ติดคอของมัน สร้างความปวดร้าวเป็นอย่างมาก มันเดินท่อมเที่ยวส่งเสียงร้องให้สัตว์อื่นมาช่วยเหลือ และแล้วในเวลาไม่นานนัก มันก็พบกับเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่งเข้า นกกระเรียนเห็นหมาป่านอนดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดที่กลางป่า จึงเข้าเข้าไปถามไถ่อย่างเวทนาว่า

"เจ้าเป็นอะไรหรือ"

"ข้ากลืนชิ้นเนื้อเข้าไป กระดูกติดคอข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก"

หมาป่าบอกเเล้วก็ขอร้องให้นกกระเรียนช่วยเหลือตนด้วย เเล้วตน จะให้รางวัลอย่างงามเป็นการตอบเเทน

นกกระเรียนตัวนั้นก็ตรงเข้าช่วยเหลือทันที  นกกระเรียนจึงยื่นคออันยาวเรียวของมันเข้าไปในปากหมาป่า เเละสามารถล้วงเอากระดูกออกมาได้สำเร็จ
 
เมื่อเศษกระดูกในคอของหมาป่าถูกนำออกมาแล้ว นกกระเรียนก็ร้องขอรางวัลตามสัญญาจากเจ้าหมาป่าทันที เมื่อนกกระเรียนทวงถามถึงรางวัล หมาป่าก็คำรามว่า

"ข้าไม่งับคอเจ้าขาดตายก็ดีเเล้ว ยังจะมาเอาอะไรจากข้าอีก เล่า"


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

"คนเลวมักไม่เห็นความดีของผู้อื่น


วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง ชาวนากับงูเห่า

นิทานอีสป 

เรื่อง ชาวนากับงูเห่า


ณ ท้องทุ่งนาแห่งหนึ่งของประเทศสยาม มีต้นข้าวสีทอง เหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง

พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยว เช้าวันหนึ่งท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ชาวนาและเพื่อนบ้าน

ได้พากันออกไปทำนาอย่างเช่นเคยทุกวัน ระหว่างทางได้พบงูเห่าตัวหนึ่ง นอนขดตัวแข็งใกล้ตาย

อยู่บนคันนา ด้วยความเหน็บหนาว และเพราะความหนาวมันไม่กระดุกกระดิกเรย

ชาวนาเฝ้ามองดูมันอยู่นานด้วยความรู้สึกสงสารอย่างจับใจ ด้วยความเป็นคนมีเมตตาใจดี

จึงก้มลงประคอง แล้วอุ้มมันไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้มันหายหนาว

ในที่สุดเมื่อเจ้างูเห่าได้รับความอบอุ่นก็เริ่มมีกำลังมากขึ้น มันจึงฉกกัดเข้าที่แขนของชาวนา

ก่อนที่จะเลี้อยหนีไป ชาวนาผู้นั้นร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและล้มลงสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้นเอง

ก่อนตายชาวนาผู้นั้นได้ร้องรำพันออกมาว่า “ทำคุณแก่สัตว์ร้าย…มักจะให้โทษแก่เราอย่างนี้แหละหนอ”


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

"ทำคุณกับคนชั่ว มีแต่จะได้รับความเดือนร้อน"

นิทานอีสป เรื่อง เทพารักษ์กับคนตัดไม้

นิทานอีสป 

เรื่อง เทพารักษ์กับคนตัดไม้

ชายตัดไม้คนหนึ่ง ได้เข้าไปตัดไม้ในป่าดังเช่นทุกวัน และเผอิญเขาทำขวานพลัดตกลงไปในสระน้ำ ที่อยู่ใกล้ๆ "โธ่...โธ่...โธ่...ฉันจะทำอย่างไรดี ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ฉันไม่มีขวานตัดไม้อีกแล้ว" ชายคนตัดไม้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ริมสระ เพราะเขาไม่มีเครื่องมือทำมาหากินอีก

เทพารักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ เห็นเหตุการณ์ อดสงสารไม่ได้ จึงปรากฏกายให้เห็น แล้วเอื้อมมือลงไปในสระน้ำ คว้าขวานเล่มหนึ่งส่งให้คนตัดไม้  "โอ...ท่าน...นี่มันขวานทอง ไม่ใช่ขวานของข้าหรอก" ชายตัดไม้ไม่ยอมรับ เทพารักษ์จึงได้งมขวานขึ้นมาให้อีกเล่มหนึ่ง

"นี่ก็ไม่ใช่ขวานของข้า...ของข้าเป็นเพียงขวานเหล็กธรรมดาท่าน ไม่ใช่ขวานเงิน" "เจ้าเป็นคนซื่อสัตย์" เทพารักษ์พูด "คนอย่างเจ้าหายาก เอ้า...ข้าให้ขวานทองกับขวานเงินเจ้าเป็นรางวัลก็แล้วกัน" กล่าวเสร็จแล้ว เทพารักษ์ก็หายตัวไป

คนตัดไม้ นำขวานทองและขวานเงินเดินกลับบ้าน พบใครก็อวดให้ชมและเล่าว่าได้มาอย่างไร "เทวดาท่านใจดีมากเลย ข้านั่งร้องไห้อยู่ริมสระเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ท่านก็มางมขวานให้ แล้วก็ให้ขวานทองขวานเงินแก่ข้าอีกด้วย"

เพื่อนบ้านคนหนึ่ง อยากได้บ้าง จึงเข้าไปในป่า ทำทีตัดไม้หาฟืน แล้วก็โยนขวานของตนทิ้งลงไปในน้ำ "ฮือ...ฮือ...ฮือ... คราวนี้ข้าหมดทางหากินแน่ ๆ " เทพารักษ์มางมขวานให้เช่นเคย "เอ้า ขวานทองเล่มนี้ของเจ้าใช่ไหม ? " "ใช่ ใช่แล้วท่าน ขวานทองเล่มนี้ของข้าเอง" ชายโลภมากพูดอย่างยินดี "เจ้าคนโกงนี่ไม่น่าคบ " พูดแล้ว เทพารักษ์ก็หายวับไปกับขวานทอง และเพื่อนบ้านคนนั้นก็ไม่ได้รับขวานที่ตกลงไปในสระคืนอีกด้วย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

"โลภมากลาภหาย"

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับอีกา

นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับอีกา

            กาลครั้งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง เห็นอีกาบินผ่านมา พร้อมกับ คาบชิ้นเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ในปาก และอีกาตัวนั้นมันมาหยุดเกาะอยู่บนกิ่งไม้  เจ้าสุนัขจิ้งจอกที่ฉลาดแกมโกงจึงกล่าวว่า “ชิ้นเนื้อชิ้นนั้นต้องเป็นของข้า”  และได้เดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้น  “สวัสดีคุณผู้หญิง” สุนัขจิ้งจอกมันร้องทัก “เจ้าช่างสวยอะไรเช่นนี้ วันนี้เจ้าช่างดูงดงามยิ่งนัก ขนของเจ้ามันช่างวาวและดวงตาของเจ้าช่างสุกใสเหลือเกิน ข้ายังไม่เคยพบใครขนสวยอย่างนี้มาก่อนเลย รูปร่างก็ระหง สวยสง่า น้ำเสียง หรือก็จะแสนไพเราะจับใจ ให้ข้าได้ฟังเพลงจากท่านสักเพลงหนึ่งเถิด เพื่อข้าจะได้ชื่นชมท่านในฐานะราชินีแห่งนกทั้งปวง” อีกาดีใจที่ได้ฟังคำพูดยกยอดังนั้น จึงกระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้นบนกิ่งไม้ และต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ามีเสียงไพเราะจริง หรือไม่ อีกาขยับหัวและเริ่มเปล่งเสียง กา กา อย่างตั้งใจ แต่ขณะที่มันอ้าปาก ชิ้นเนื้อก้อนนั้นก็ตกลงมา สุนัขจิ้งจอกตรงเข้าตะครุบและขย้ำกินทันทีด้วยความปลาบปลื้มกับ สมองอันชาญฉลาดของมัน “ให้มันได้อย่างนี้สิ” สุนัขจิ้งจอกพูด “ข้าต้องการเท่านี้แหละ” เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับชิ้นเนื้อของเจ้า ข้าอยากจะให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ คือ “อย่าหลงเชื่อพวกยกยอปอปั้น”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 

"อย่างเชื่อคำพูดของคนประจบประแจง"